วันพุธที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ตำนานปีศาจจิ้งจอกเก้าหาง ( Nine Tail Fox, คีวบิโนะโยโกะ)

"จิ้งจอกเก้าหาง" หรือ "คิวบิโนะโยโกะ" เป็นปีศาจในตำนานของญี่ปุ่น โดยคำว่า คิว หมายถึง เก้า, บิ หมายถึง หาง และ โยโกะ หมายถึง ปีศาจจิ้งจอก หรือสามารถ หมายถึง "คิทซึเนะ" จิ้งจอกในนิทานพื้นบ้านของญี่ปุ่น ที่มีพลังพิเศษต่างๆ

ปิศาจจิ้งจอกเก้าหาง มีที่มาจากอินเดีย จีน และญี่ปุ่น ซึ่งเข้าใจว่าเป็นปิศาจตนเดียวกัน โดยน่าจะเป็นเรื่องของการสืบทอดวัฒนธรรมจากอินเดียไปยังจีนตามเส้นทางสายไหม และไปยังญี่ปุ่นโดยการเผยแพรทางวัฒนธรรมจากจีน


จิ้งจอกเก้าหางของจีน

จิ้งจอกเก้าหางของจีน มีปรากฏอยู่ในตำนานเรื่อง ฮ่องสิน ซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับไสยศาสตร์ และภูตผีปิศาจของจีน โดยเรื่องราวมีอยู่ว่า พระเจ้าโจ้วหวาง (ติวอ๋อง) แห่งราชวงศ์ซางได้ไปสักการะ

เจ้าแม่หนวี่วา (หนึงวาสี) ในวิหารของเจ้าแม่ เหมือนดังปกติ รูปเคารพเจ้าแม่จะมีผ้าแพรบางๆ กั้นใบหน้าอยู่ บังเอิญตอนนั้นมีลมพัดผ่านมา ทำเอาผ้าแพรเปิดออก โจ้วหวางได้เห็นใบหน้ารูปเคารพของเจ้าแม่หนวี่วางดงามยิ่งนัก จึงออกปากมาว่า เจ้าแม่งดงามถึงเพียงนี้ หากได้มาเป็นมเหสีน่าจะดี

เมื่อเจ้าแม่หนวี่วาได้ยินดังนั้น จึงกริ้วมาก รับสั่งให้ปิศาจจิ้งจอกเก้าหาง ปิศาจพิณ รวมถึงปิศาจไก่ มาทำให้โจ้วหวางเกิดความลุ่มหลงจนเป็นสาเหตุให้บ้านเมืองล่มสลายเพื่อเป็นการลงโทษ แต่อย่าให้ราษฎรต้องเป็นอันตรายหรือได้รับความเดือดร้อน

ในขณะนั้น มีหญิงงามนางหนึ่ง นามว่า ต๋าจี ลูกสาวของเจ้าเมืองเล็กๆ เมืองหนึ่ง ถูกส่งตัวเข้าวังเพื่อเป็นพระสนมของโจ้วหวาง ต๋าจี เป็นหญิงสาวที่มีรูปโฉมงดงามมาก แต่หญิงงามมักอาภัพนัก เพราะเจ้าจิ้งจอกเก้าหางได้ลอบฆ่านาง เพื่อสวมรอยเป็นต๋าจีในการลักลอบเข้าวัง

เมื่อโจ้วหวางได้พบต๋าจีก็รู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากรูปโฉมงดงามราวกับเจ้าแม่หนวี่วา กิริยาวาจาไพเราะอ่อนหวานราวกับเทพธิดา ยากที่จะหาหญิงใดในแผ่นดินเสมอเหมือน จิ้งจอกเก้าหางจึงได้เริ่มการทำให้โจ้วหวางลุ่มหลง อย่างไม่ได้เป็นการยากเย็นกระไรเลย เพราะนอกจากความงดงามแล้ว ยังสามารถร้องเพลง และเล่นดนตรีได้ไพเราะ อีกทั้งร่ายรำได้งดงาม ทำให้โจ้วหวางยิ่งลุ่มหลงนางจนถอนตัวไม่ขึ้น และนางก็ได้ส่งเสริมให้โจ้วหวางทำแต่เรื่องชั่วร้าย ฆ่าคนเหมือนผักเหมือนปลาอยู่เสมอมา


ในที่สุด ต๋าจี หรือจิ้งจอกเก้าหาง ก็ได้ยุยงให้โจ้วหวางสร้างหอสอยดาวขึ้น ยังความทุกข์ยาก และนำมาซึ่งความตายแก่ราษฎรจำนวนมากมายมหาศาลที่ต้องถูกเกณฑ์แรงงานมาสร้างหอสอยดาวนี้

แต่ในที่สุด ปิศาจทั้งสามก็ถูกผู้มีวิชาปราบลง คือ เจียงจื่อหยา ซึ่งได้ฝึกวิชาบนภูเขาจนกลายเป็นผู้วิเศษ ได้รับบัญชา เทียนมิ่ง จากสวรรค์ให้มาขจัดทุกข์ของเหล่าราษฎร พร้อมทั้งนาจาศิษย์เอก

ปิศาจทั้งสามถูกจับตัวไปให้เจ้าแม่หนวี่วาตัดสินโทษ จิ้งจอกเก้าหางเห็นว่าตนสามารถทำงานที่เจ้าแม่มอบหมายให้ ทำไมจึงยังมีโทษอีก เจ้าแม่หนวี่วากล่าวว่าได้ใช้ให้ไปทำลายแต่เพียงโจ้วหวางเท่านั้น มิได้สั่งให้ไปเข่นฆ่าผู้คนมากมายเช่นนี้ การทำเกินคำสั่งจำต้องถูกลงโทษ ทั้งปิศาจพิณ และปิศาจไก่ จึงถูกลงโทษให้ตายตกไปตามกัน ส่วนจิ้งจอกเก้าหางนั้นได้หลบหนีการลงโทษไปได้

ฝ่ายโจ้วหวางนั้น เมื่อสูญเสียเมียรักไปจึงเศร้าโศกเสียใจเป็นอันมาก เผาหอสอยดาวทิ้ง จนตัวเองตายในกองเพลิงนั้นเอง

จิ้งจอกเก้าหางของญี่ปุ่น
ตำนานของญี่ปุ่นกล่าวถึง จิ้งจอกเก้าหาง ว่า เป็นปิศาจที่หลบหนีมาแฝงตัวอยู่ในราชสำนักของญี่ปุ่นในรัชสมัยของจักรพรรดิ์โทบะ หลังจากที่หลบหนีมาจากอินเดีย และจีนมาแล้ว โดยแฝงตัวมาในร่างของหญิงงามนามว่า ทามาโมะ มาเอะ พระสนมของจักรพรรดิ์โทบะ นางทำให้จักรพรรดิ์โทบะลุ่มหลงในความงามของนาง ทำให้สุขภาพของจักรพรรดิ์โทบะก็ทรุดโทรมลงทุกวัน จนต้องมีการอัญเชิญนักพรตจากหอองเมียวมาทำพิธีปัดรังควาน จึงพบว่าในวังมีปิศาจจิ้งจอกเก้าหางสีทองแฝงตัวอยู่

พอความแตก ทามาโมะ มาเอะ จึงได้คืนร่างเป็นจิ้งจอกสีทองตัวมหึมา มีเก้าหาง เหาะหลบหนีไปบนท้องฟ้า กองทหารของจักรพรรดิ์โทบะได้ไล่ตามไปจนถึงที่ราบสูงนาสุ และต่อสู้กับปิศาจจิ้งจอกเก้าหาง และสามารถสยบจิ้งจอกเก้าหางลงและกลายเป็นหินเซ็ทโชเซกิ ซึ่งกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อแห่งหนึ่งของญี่ปุ่นมาจนปัจจุบันนี้

หมายเหตุ : มักเกิดความสับสนในผู้ที่เริ่มต้นศึกษาซึ่งเอาตำนานของปีศาจจอกเก้าหางมารวมกับตำนานของเทพเจ้าแห่งจิ้งจอก อินาริ (Inari หรือ Oinari) ซึ่งแท้จริงเป็นคนละอย่างกัน อินารินั้นเป็น คามิ (Kami) หรือเทพเจ้าองค์หนึ่งตามตำนานของศาสนาชินโตซึ่งเป็นศาสนาดั้งเดิมของญี่ปุ่น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น