วันอังคารที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2556

ตำนาน แม่นากพระโขนง


แม่นาก เป็นสาวสวยชาวพระโขนง บ้านอยู่ริมคลอง พ่อแม่มีฐานะดีระดับเศรษฐีก้ว่าได้ จึงมีหนุ่มแก่มาติดเพราะความที่รูปสวยรวยทรัพย์ แต่แล้วแม่นากก็เกิดความรักกับหนุ่มบางเดียวกันชื่อ "พ่อมาก" ซึ่งมีฐานะยากจน นิสัยติดจะนักเลงนิดหน่อย ชอบสนุกสนานเฮฮา เพื่อนฝูงเยอะแยะ เที่ยวเตร่เสเพลไปที่นั่นที่นี่ตามประสาหนุ่มรักสนุก ทั่วๆ ไป ไม่ว่าบางจาก สำโรง ปากน้ำ พ่อมากกับเพื่อนๆ ก็ล้วนแต่ไปเที่ยวเตร่ ดื่มเหล้าเมายาชนิดหัวหกก้นขวิดมาแล้วทั้งนั้น แต่ก็มีจิตใจผูกรักเดียวด้วยแม่นากเพียงเท่านั้น

จนในที่สุดก็เกิดเรื่องใหญ่โตขึ้นจนได้ นั่นคือ พ่อแม่ของแม่นากตบคำรับหมั้นพ่อม่ายชาวจีน อาชีพค้าขายที่มีฐานะทัดเทียมกัน กำหนดวันแต่งงานเอาไว้เรียบร้อย แม่นากแม้ไม่ได้รักใคร่ว่าที่สามีแก่คราวพ่อเลย แต่ก็ไม่อาจขัดความประสงค์ของพ่อแม่ได้ เนื่องจากสมัยนั้นยังมีการคลุมถุงชนอยู่ โดยที่พ่อแม่คิดเอาง่ายๆ ว่า "อยู่ด้วยกันไปก็รักกันเอง"

แต่ความรักของแม่นากกับพ่อมากก็มีความลึกซึ้ง และรุนแรงเกินกว่าใครจะนึกถึง ทำให้ก่อนจะถึงวันแต่งงานแม่นากก็หอบผ้าหนีตามชายคนรักไปดื้อๆ พ่อแม่ของแม่นากคงจะรู้จักนิสัยใจคอลูกสาวตัวเองดี ก็ต้องปล่อยเลยตามเลยไป สองผัวเมียแยกมาปลูกเรือนเล็กๆ ริมคลองเป็นเรือนรักเรือนหอ พ่อมากเลิกนิสัยนักเลงเกะกะ ไม่เป็นโล้เป็นพาย กลับกลายมาเป็นคนขยันทำมาหากิน ทั้งทำไร่ทำนา ว่างก็ปักเบ็ดราว ลงเรือทอดแห แม่นากก็ปลูกผักสวนครัว ได้ผักปลามากินไม่เดือดร้อน แถมยังรักใคร่ปรองดองกันเป็นอันดี  ประหนึ่งว่าจะครองรักกันราบชื่นบานจนชั่วชีวิตสลาย ไม่นานนักแม่นากก็ตั้งท้อง ความดีอกดีใจของสองผัวเมียนั้นมากมายไม่มีอะไรเปรียบ พ่อแม่ฝ่ายหญิงก็หายโกรธหายเคือง พากันปลาบปลื้มยินดีที่จะได้มีหลานตาหลานยายไว้เชยชมสมใจ ข้างพ่อมากก็ทะนุถนอมเมียปานไข่ในหิน ไม่ยอมให้ทำงาน โดยเกรงว่าจะกระทบกระเทือนลูกในท้อง แม้แต่งานเบาๆ ก็แย่งมาทำเสียเอง แม่นากก็ยิ่งสุขกายสุขใจเป็นที่สุด

แต่แล้วก็เกิดเรื่องรุนแรงร้ายกาจขึ้นในเวลาต่อมา นั่นคือ พ่อมาก ได้รับหมายเกณฑ์ให้ไปเป็นทหารปีละ 3 เดือนที่กรมพระสุรัสวดี!

ผัวเมียต้องจากกันทั้งน้ำตา ขณะนั้นแม่นากตั้งท้องได้ราว 6-7 เดือนแล้ว ผัวไปรับราชการตามหน้าที่ ตัวเองก็ต้องอยู่เดียวดายแสนจะหงอยเหงาเปล่าเปลี่ยว ยังดีที่มีญาติมิตรมาเยี่ยมเยียน โดยเฉพาะ "ทิดทุย" เพื่อนสนิทของพ่อมาก นอกจากไปมาหาสู่แล้วยังมีผักปลาอาหารมาฝากสม่ำเสมอ

ในสมัยนั้น พระโขนงกับใจกลางกรุงเทพฯ ไกลกันมาก การเดินทางที่สะดวกที่สุดก็คือการลงเรือแจวไปมาหาสู่กัน แต่ก้ต้องใช้เวลาครึ่งค่อนวันกว่าจะถึง

จนกระทั่งแม่นากเจ็บท้องใกล้จะคลอดลูกแล้ว พ่อมากก็ยังติดราชการอยู่กรุงเทพฯ ลุงต้องไปตาม "ยายจั่น" หมอตำแยประจำตำบลมาทำคลอดให้กลางดึก ปรากฏว่าเด็กขวางท้องอยู่ ยายจั่นพยายามกล่อมท้อง ทั้งโยกทั้งคลึงสารพัดก็ไม่เป็นผล อย่างดีเด็กก็เอาตีนโผล่ออกมาแล้วหดกลับเข้าไปอีก แม่นากเจ็บปวดแทบสิ้นใจ แผดร้องโหยหวนน่าสงสารยิ่งนัก สองมือโหนเชือก หน้าตาบิดเบี้ยวเหยเก เหงื่อแตกพลั่กเต็มหน้าผาก หมอตำแยสั่งเบ่งก็พยายามเบ่งสุดกำลัง แต่ลูกในท้องก็ยังไม่ยอมคลอดมาเสียที ความเจ็บปวดทวีคูณขึ้นจนสุดที่มนุษย์ทั่วๆ ไปจะทนทานได้ แม่นากเบ่งลูกเป็นครั้งสุดท้าย แต่ไร้ผล ในใจคิดถึงผัวรักก็กรีดร้องออกมาสุดเสียง

"พี่มากจ๋า! ช่วยเมียด้วย..." แล้ววิญญาณก็หลุดผล็อย ลอยออกจากร่างอันแสนจะทนทุกข์ทรมานในพริบตานั้นเอง!

ว่ากันว่าด้วยความรักความคิดถึงผัวรักก่อนจะขาดใจ วิญญาณจึงล่องลอยไปหาผัวถึงโรงทหาร พ่อมากได้เห็นหน้าเมียก็ดีใจ แต่พูดคุยกันได้ 2-3 คำแม่นากก็หายหน้าไปแล้ว วิญญาณกลับมาอยู่ที่พระโขนง นั่งอุ้มลูกที่คลอดออกมาเรียบร้อยอยู่ที่ท่าน้ำเพื่อรอผัวรัก บางทีก็ร้องเพลงกล่อมลูกด้วยเสียงเยือกเย็นวังเวงใจ ล่องลอยไปตามสายลมยามราตรี ชาวบ้านร้านช่องได้ยินเข้าก็หนาวสันหลัง ขนลุกกรูเกรียว รีบมุดเข้ามุ้งนอนห่มผ้าคลุมโปงไปตามๆ กัน

ทิดทุยเล่าว่า ตอนที่นำศพแม่นากไปฝังที่ป่าช้าวัดมหาบุศย์ แม่นากยังคงลืมตาโพลง โดยโบราณเชื่อว่า การที่ศพตายโดยยังลืมตาแสดงว่ามีห่วงผูกพัน ทิดทุยจึงพยายามปิดเปลือกตาให้เมียเพื่อน พร้อมกับบอกให้ไปสู่ที่ชอบๆ แต่ก็ทำไม่สำเร็จจนแล้วจนรอด ศพแม่นากยังลืมตาโพลงเหมือนจะจ้องมองหาผัวรักอยู่เช่นเดิม!

ต่อมาเกิดเสียงเล่าลือว่าผีแม่นากเฮี้ยนเหลือหลาย เป็นที่หวาดกลัวของชาวพระโขนงอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ขนาดเจ๊กขายหมูพายเรือผ่านมาได้ยินเสียงเรียกก็วาดหัวเรือเข้าไป เห็นแม่นากนั่งอยู่ที่ขั้นบันได เล่นเอาอาแป๊ะร้องจ้า จ้ำพายพรวดๆ หนีผีแม่นากจนเรือล่ม ต้องว่ายน้ำไม่คิดชีวิต ก่อนจะตะเกียกตะกายขึ้นบก วิ่งตะโพงหนีพร้อมกับส่งเสียงร้องลั่นๆ ว่าโดนผีหลอกไปตลอดทาง คนที่นั่งเรือผ่านบ้านร้างก็มักจะเห็นแม่นากยืนอุ้มลูกรอผัวอยู่บ่อยๆ ไม่เลือกว่าเป็นกลางวันหรือกลางคืน จนแทบไม่มีใครกล้านั่งเรือผ่านแต่เพียงลำพักอีกต่อไป

เล่ากันว่า คนที่บังเอิญผ่านไปทางหลังบ้านร้างนั้น ก็มองเห็นแม่นากยืนอุ้มลูกร้องไห้ คนที่ไปเก็บผักหักฟืนใกล้ๆ ป่าช้าก็เห็นแม่นากนั่งให้นมลูกอยู่บนหลุมศพของตัวเองกลางวันแสกๆ ปากต่อปากก็บอกกล่าวกันไปเหมือนไฟลามทุ่ง ว่าวิญญาณแม่นากเฮี้ยนนัก...เป็นที่น่าขนพองสยองเกล้าของผู้คนในย่านพระโขนงโดยทั่วไป!......

ขอบคุณเรื่องเล่าจากข่าวสด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น